“เกรซ กาญจน์เกล้า” เคลียร์ดราม่า #เรียนหมอ หลังประกาศเรียนต่อปริญญาโท
นางเอก นักร้อง อารมณ์ดี “เกรซ กาญจน์เกล้า” ที่วันนี้จะมาเปิดใจสาเหตุทิ้งงาน ทิ้งเงิน เรียนต่อปริญญาโท ศาสตร์ชะลอวัย หลังตรวจพบเนื้องอกในลำไส้ พร้อมเคลียร์ดราม่า #เรียนหมอ เกิดอะไรขึ้น อีกทั้งยังเล่าโทเมนต์ความรักสุดหวานเกือบ 6 ปีกับไฮโซนิค เห็นว่าตอนนี้เริ่มมีคุยเรื่องแต่งงานกันแล้ว ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มี ธัญญ่า ธัญาเรศ, อาจารย์เป็นหนึ่ง และเป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
ที่สวยขนาดนี้เพราะเราไปเรียนปริญญาโทด้านชะลอวัยมาด้วยหรือเปล่า?
เกรซ : อยู่แล้ว ต้องเล่าก่อนว่าเกรซเป็นคนที่ชอบอะไรเกี่ยวกับพวกนี้อยู่แล้ว ตั้งแต่เด็กๆ หลายคนจะเห็นว่าเราดูแลตัวเองดีมากตั้งแต่ 6-7 ขวบเลย เพราะได้มาจากคุณแม่ อะไรที่เป็นคอนเทนต์เกี่ยวกับสุขภาพจะอินมาก เลยรู้สึกว่าตัวเองจะลงลึกเรื่องนี้มากๆ ก็เลยอยากไปเรียน บวกกับทำคนเทนต์ที่มันถึงจุดอิ่มตัวที่มันไม่ใช่แค่โพสต์ ทำนู้น ทำนี่แล้ว รู้สึกอยากมีความรู้ อยากมีอะไรมาแชร์
อันนี้คือปริญญาโท?
เกรซ : ปริญญาโท ปริญญาตรีเกรซเรียนเกี่ยวกับการตลาด แต่อันนี้เป็นหลักสูตรชะลอวัย หลายคนคิดว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับสวยงามอย่างเดียวไหม จรืงๆ ไม่ใช่ค่ะ มันเป็นการดูแลสุขภาพองค์รูป เพื่อให้เรามีความสุขไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต เรียนเรื่องฮอร์โมน ระบบต่างๆ ของร่างกาย
มันใช้เวลาเรียนนานไหม?
เกรซ : เรียน 2 ปี ตอนนี้เพิ่งเริ่มเรียนได้เทอมแรก คือเราต้องสวยจากภายใน จากเซลล์ข้างใน จากลำไส้ที่สวยงาม มันจะออกมาสู่ภายนอกจริงๆ ไม่ว่าจะคลีนภายนอกยังไง ถ้าเราไม่รู้จัก รู้ใจ ความสวยภายนอกเป็นอะไร ที่อยู่ไม่ยืนยาว
จริงๆ สิ่งเหล่านี้ ต้องเรียนจากคุณหมอ?
เกรซ : ใช่ค่ะ นอกจากคุณหมอจะสอนแล้ว รู้สึกเป็นเกียรติมาก ที่ได้นั่งเรียนกับคุณหมอหลายๆ คนที่มีความรู้ ซึ่งเป็นอะไรที่ยากมาก ของคุณหมอจะเรียนลงลึกกว่า ของเกรซจะมีอยู่ประมาณนึงว่าเราไม่ได้มีพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ไม่ได้เรียนหมอมาเป็นเวลา 6 ปี เหมือนเราโกงความตายเหมือนกันนะ เพราะจริงๆ เราเกลียดวิทยาศาสตร์และไม่ชอบ แต่สุดท้ายมันเป็นเรื่องที่เรามีแพชชั่นพอโตขึ้น แล้วตอนเด็กเราป่วยบ่อย เคยนอนไม่หลับ เพราะเราทำงานไม่เป็นเวลา เมื่อก่อนช่อง7 ถ่ายไป ออนไป ตี2 ต้องลุกขึ้นมาถ่ายละคร นอน 5 ทุ่ม ตี2 ลุกแล้ว มันเป็นเวลาที่สรวน ก็เลยตัดสินใจที่จะเรียนจริงๆ แล้วอยากจะทำคอนเทนต์ดีๆ ออกมาบ้าง นอกจากคอนเทนต์ในสิ่งที่เราชอบหรือว่าเป็นงานต่างๆ คอนเทนต์ที่มันเป็นกระแสร่วมสมัย แล้วมันผ่านเวลามาจุดนึง จุดที่มันอิ่มตัวมาประมาณนึงแล้ว
เห็นว่ามีเพื่อนนักแสดงเรียนด้วยหลายคน?
เกรซ : ใช่ แพรว คณิตกุล แล้วก็พี่หญิง รฐา ด้วย เกรซว่ามันเป็นศาสตร์ที่น่าสนใจมากๆ เรียนแล้วเรารู้สึกเบิกเนตร ที่ผ่านมาเราใช้ชีวิตแบบไหนมาเนี่ย
ปรับเปลี่ยนอะไรบ้างในการใช้ชีวิต?
เกรซ : เปลี่ยนทุกอย่างเลย คนสมัยนี้จะหาในเรื่องของเงินและการทำงาน ทำยังไงก็ได้ให้หาเงินได้มากที่สุด จนลืมโฟกัสร่างกาย ถ้าเราไม่มีร่างกายที่ดี เราจะไม่สามารถไปถึงจุดนั้นได้เลย เราต้องรักษาที่ราก การเรียน Anti-Aging เขาสอนเลยให้เรารักษาที่ราก เพราะปัญหาส่วนใหญ่จากโรคเรื้อรังที่เกิดขึ้น อย่างเช่น โรคเบาหวาน ความดัน หรือโรคอะไรก็ตามมันเกิดจากไลฟ์สไตล์ ดังนั้น Anti-Aging ดูโดยรวม ไม่ได้เรียนเฉพาะเรื่องความสวย หรือจะทำยังไงให้ฉันไม่แก่ มันไม่ใช่ มันต้องลงลึกถึงเซลล์ เกรซได้เรียนการถอดรหัส DNA-RNA เป็นเรื่องเป็นราว
ถ้าปริญญาตรีไม่ได้เรียนวิทย์มาสามารถเข้าไปเรียนแบบนี้ได้ไหม?
เกรซ : เรียนได้ค่ะ เขาจะมีคอร์สในการปรับพื้นฐานให้เราได้เรียนอยู่แล้ว ตอนแรกเรียนอยากจะปากดี ทำคอนเทนต์ไลฟ์สไตล์แบบเรา แต่พอไปๆ มาๆ มันได้อะไรมากกว่านั้น เรามีความรู้ดีๆ ไปบอกคุณพ่อ คุณแม่ แม้กระทั่งเพื่อนๆ หรือคนรอบตัว แค่นั้นก็ฟินแล้ว
เพื่อนดาราที่ไปดรียนด้วยกันไม่มีปัญหา แต่มีอยู่คนนึงที่ตอนนี้ท้อแล้ว ก็คือ คุณกาญจน์เกล้า ?
เกรซ : ตอนแรกที่เรียน มันจะมีอยู่โพสต์นึงที่ลงไปเกี่ยวกับเรื่องของการเรียน Anti-Aging ว่าเราสอบแล้วเราดีใจมากที่เราสอบผ่าน แต่ตอนแรกเราคิดว่าเราสอบตกแน่ๆ เพราะมันยากมาก ตอนแรกเราคิดว่าเราเสพสื่อคอนเทนต์อะไรพวกนี้มาประมาณนึงแล้ว เรามีความรู้ประมาณนึงแล้ว มันน่าจะต่อยอด รู้ว่ายากแหละ รู้ว่าของแทร่แน่นอน แต่แค่ว่าเราจะลองดูสักตั้ง แต่พอไปจริงๆ เริ่มเรียนได้ประมาณ 2-3 อาทิตย์ กลับมาถามตัวเองว่า นี่ใช่สิ่งที่เราต้องการจะทำจริงๆ ไหม เพราะเกรซเป็นนักแสดงมา 20 ปี เราจำแล้วเราลืมเลย วันนึง 20 ซีน สมองเรามันถูกทำงานมาแบบนี้จนถึงวันที่เรามานั่งเรียน แล้วเราต้องจำ เราอยากจะจำให้มันขึ้นใจ แต่มันลืม มันเป็นอะไรที่ยากมาก มันท้อ
ร้องไห้เลย?
เกรซ : ร้องไห้ เรียนหนังสือไปร้องไห้ไป มันเป็นความรู้สึกไม่แน่ใจว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ในช่วงที่ผ่านมา ในช่วงที่ปรับตัวไม่ได้ คำว่าทิ้งงาน ทิ้งเงิน เมื่อสักครู่ที่บอก คือมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับว่าเราไม่สามารถจัดการตัวเองได้ ถ้าเราร้องเพลงกลางคืน 7.30 น.เราจะตื่นไปเรียนได้ไหม มันไม่มีทาง แล้วคือเรียนทั้งวันเราจะมีสมองไปรับสิ่งใหม่ได้ไหม มันไม่ได้ มันต้องแลก เรามี 24 ชม.เท่ากัน อยากฝากให้หลายคนที่กำลังเลือกหรือกำลังลังเลใชชีวิตว่าจะเอายังไง ทุกคนมีเวลาเท่ากัน เราต้องแลก เราไม่สามารถทำทุกอย่างได้ เราต้องแลกและเราต้องเลือก
แสดงว่าละครก็ไม่รับเลย?
เกรซ : ใช่ในช่วงที่ผ่านมายังไม่รับเลยจนถึงต้นปีหน้าที่เราสามารถเรียนและปรับตัวได้ ถามว่ายังมีมาไหม ยังมีมา ขอบคุณผู้ใหญ่มากๆ ที่ยังส่งมาให้ แต่เราก็เลือกแล้วว่าเราจะเลือกทางนี้จริงๆ
เรื่องบางเรื่องมันสามารถทำพร้อมกันได้ แต่เรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ ?
เกรซ : ไม่ได้ค่ะ เรียนหนัก
แต่ล่าสุดมีดราม่าว่าเรียนหมอทำไมเรียน 2 ปี รักษาคนเหรอ?
เกรซ : มันเป็นโพสต์กึ่งประชดในอินสตาแกรมว่าเรียนเยอะขนาดนี้ เรียนหมอมั้ง เกรซก็ไม่ได้คิดว่าคนจะคิดว่าเราอยากจะเป็นหมอ ไม่ใช่ เราเป็นนักแสดง เราเป็นของเราแบบนี้ เราแฮปปี้แล้ว แต่บางคนคงรู้สึกว่าไปเตะคำว่าหมอ เพียงแต่ว่าเรานั่งเรียนกับเขาจริงๆ แล้วมีโอกาสให้เขาติวให้เรา แล้วรู้สึกว่ามีเพื่อนเป็นหมอนี่มันฟินเนอะ ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะเอาตัวไปเทียบ หรือไปรักษาใคร มันรักษาไม่ได้อยู่แล้ว เราเขียนไว้ยาว เขาอาจจะไม่ได้อ่านจนจบ
เรานอยด์ไหม?
เกรซ : เราไม่นอยด์ แต่กลัวว่าคนอื่นจะรู้สึกไม่ดีหรือเปล่า สำหรับเกรซไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะเรารู้ว่าเจตนาเราคืออะไร เราก็พูดไปเรื่อย เรียนหมอจ้า ฟิลแบบต้องรู้เยอะขนาดนี้ไหม
เกรซเข้าวงการมาตั้งแต่อายุเท่าไหร่?
เกรซ : 15 ค่ะ
เกรซมีปัญหาเรื่องสุขภาพอะไรบ้าง ที่โหมงานหนักตั้งแต่อายุยังน้อย?
เกรซ : เยอะมากเลยค่ะ มันเรียกได้ว่าสรวน 1.อวัยวะก็จะสรวนต่อไปอีกหลายๆ อวัยวะ ปลายทางก็คือการนอนไม่หลับ มันมีวันที่ไม่สดชื่น ถ้าวันนั้นเรานอนหลับได้ดี วันรุ่งขึ้นเราจะมีพลังงานที่ดี เพราะเรานอนดี เราชาร์จพลังเต็มที่ เหมือนมือถือที่ชาร์จ 100% มันเริ่มจากเรานอนไม่เป็นเวลา และกินอาหารไม่เป็นเวลา ทำให้เป็นโรคกระเพาะ แล้วไปหาหมอที่โรงพยาบาล เขาก็ให้ยาลดกรด เพื่อให้กรดไม่หลั่งให้เซลล์ในกระเพาะได้ซ่อมแซมเนื้อเยื้อ ไม่แสบแผล ทำงานอยู่บางทีต้องนอนตระแคงซ้าย กินยาเคลือบกระเพาะ ลดกรดก็จะช่วย ณ ตรงนั้น แต่หารู้ไม่การกินยาลดกรดมันก็มีข้อดีของมัน แต่เกรซก็มีความเชื่อว่ายาที่เป็นเคมีพวกนี้ มันไปกดมันซ้อนไว้อยู่ใต้พรหม แต่มันไม่ได้รักษาที่ราก คอร์สของมันจริงๆ คืออะไร คือไลฟ์สไตล์ที่เราไม่เปลี่ยน ใครหลายๆ คนที่มีโรคประจำตัว หาให้เจอว่าต้นเหตุมันคืออะไร แล้วคุณก็เปลี่ยน เพราะยาไม่ได้ช่วยคุณได้ เพราะยามีไว้ช่วยบรรเทาอาการ ณ ตอนนั้น แต่ต้องรักษาที่รากจริงๆ ซึ่งตอนนั้นเกรซหาเจอแล้วว่ามันคืออะไร มันคือการทำงาน แต่จะทำยังไงล่ะ มันคือความสุขของเรา มันคือหน้าที่ของเรา มันคือทุกสิ่งทุกอย่างของเรา เราแค่บาลานซ์มัน คืองานอย่างเรา มันเลือกเวลาไม่ได้ ซึ่งตอนนี้เป็นน้อยลง เพราะเราเลือกให้กับตัวเองได้มากขึ้น เพราะเราโตขึ้น
แต่ที่พีคสุดคือการเจอเนื้องอก?
เกรซ : ใช่ ที่ลำไส้ เรากินยาลดกรด พอได้เรียนเราเลยเข้าใจว่าทำไมเราถึงเป็น ซึ่งตอนรู้ว่าเราเจอเนื้องอก เราตกใจมาก แต่ก็ต้องส่องกล้องเอาออก
ทั้งหมดนี่เกิดจากการกินอาหารไม่เป็นเวลา แล้วอยู่กับภาวะต่างๆ ที่เราไม่พักผ่อนไม่เพียงพอ?
เกรซ : ถูกต้องด้วยค่ะ ทุกอย่างมันเกี่ยวกัน พูดง่ายๆ ในท้องเรามันต้องการความสมดุลระหว่างกรดกับด่าง การที่เราทานยาลดกรด ตรงนี้เราสบายขึ้น แต่ลำไส้ไม่ เพราะลำไส้ก็มีหน้าที่ย่อย
มันส่งสัญญาณอะไรเราถึงไปตรวจ?
เกรซ : ก็ตรวจสุขภาพประจำปี รู้สึกว่าช่วงนี้มันทำงานหนักมาก แล้วเว้น 2 ปี จะไปส่องกล้องดูว่าตัวเองเป็นยังไง ก็เลยตรวจกระเพาะไปถึงลำไส้ด้วยเลย เราเลยได้เห็น คือมันไม่มีอาการอะไรบอกเลย มันเกิดจากการสะสมจากที่เรากินยาลดกรดเป็นเวลานาน รู้สึกดีว่าเจอเร็วแล้วจัดการมันได้
ล่าสุดจัดงานวันเกิดธีมเพลย์บอย?
เกรซ : จัดให้เขาบ้าง เขาจัดให้เรามาหลายปีมากแล้ว ก็คืนกลับบ้าง อยากทำอะไรให้เขาบ้าง
ทำไมต้องเป็นธีมนี้?
เกรซ : ก็เขาอยากจะเป็น ขออนุญาตเม้าท์นะคะ เขาไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ แล้วก็เขาเป็นคนไม่เจ้าชู้ ณ ตอนนี้ เรารู้สึกว่าเขาเป็นคนอีกแบบนึง แต่จะมีความปากดีเหมือนกัน อยากจะเป็นให้ได้เลยใช่ไหมเพลย์บอย แล้วเขาชอบกระต่าย เขามีความเป็นพ่อกระต่าย เกรซก็เลี้ยงกระต่ายเพราะเขา ก็เลยจัดเป็นธีมนี้ให้เขา
เขาชอบไหม?
เกรซ : เขาชอบ หน้าเขาเหวอมาก เขาช็อก โดนซะบ้าง บรรยากาศในงานก็มีเพื่อนๆ มาใส่หูกระต่าย เป็นแบบบันนี่ของเพลย์บอย
เห็นว่าปิดคอนโดเลี้ยง?
เกรซ : ใช่ค่ะ แล้วมีเวลาเซ็ตแค่ 2 ชั่วโมง ตอนที่เราไปกินข้าวกับเขา แล้วให้ธีม แล้วเป็นธีมเดียวกับที่เขาจัดให้เราทุกปี
งบประมาณเท่าไหร่?
เกรซ : ไม่รู้อะ ไม่บอกดีกว่า
คุยเรื่องแต่งงานหรือยัง คบกันนานหรือยัง?
เกรซ : ประมาณ 5-6 ปี ก็มีคุยบ้าง ถ้าสมมติมีการแต่งงาน เราทั้ง 2 คนไม่มีความเชื่อตรงนั้น ยิ่งพอเกรซเรียนก็ยิ่งไปกันใหญ่ที่รู้สึกว่ามีการสร้างครอบครัวอะไร รู้สึกว่าอยากเอ็นจอยกับการทำงาน การเรียน เรายังไม่พร้อมที่จะมีลูก ยังอยากมีเวลาอยู่กับครอบครัวตัวเอง ให้มันเอ็นจอยแบบสุดๆ จริงๆ แล้วเราเริ่มมีครอบครัวเมื่อไหร่ ไม่ได้ซีเรียสเรื่องนี้ ซึ่งเขาก็คิดเหมือนกัน
อยากมีลูกกันไหม?
เกรซ : ณ ตอนนี้ยังไม่ เพราะยังเอ็นจอยกับการเรียน การทำอย่างนี้อยู่
คำว่าไม่มีความเชื่อคืออะไร?
เกรซ : ด้วยความที่เราเห็นโลกปัจจุบัน เกรซรู้นะว่าการสร้างครแบครัวมันจะมีความสุขอีกแบบ แต่รู้สึกว่ายังไม่พร้อมตรงนั้นจริงๆ แล้วเห็นภาพตัวเองมีลูกก็คงสนุกดี แต่ถ้าไม่มี ณ ตอนนี้ก็ใส่ทุกอย่างเต็มที่
เราเรียนหนักแบบนี้มีเวลาเจอกันเหมือนเดิมไหม?
เกรซ : เจอค่ะ เรียนเสร็จก็ไปกินข้าว ยังมีเวลาได้เจอ ยังพูดคุยกันเหมือนเดิม
เป็นคู่ที่หวานไหม?
เกรซ : ไม่ได้ถึงขั้นหวานขนาดนั้น อยู่กันเหมือนเพื่อน มันไม่ได้หวานแบบโรแมนติกจ้า
ดูหน้าฝรั่ง แต่คุณสายมูเหมือนกัน?
เกรซ : มันเหมือนอยู่ตรงหน้าผากว่ามู เกรซเชื่อทั้งเรื่องวิทยาศาสตร์ และสิ่งที่มันเหนือ ยังไงก็มี เกรซว่าหลายๆ คนมีประสบการณ์ที่แตกต่างกัน ของเกรซจะเริ่มไปขอพรแล้วได้ เวลาทำบุญแล้วเราทำบุญให้ท่าน เราขอพรแล้วเราได้ ก็เป็นอะไรแบบนั้น หรือเป็นการเช็คดวงแล้วมันเกิดขึ้นจริง ก็เลยรู้สึกว่าเรื่องนี้เล่นไม่ได้นะ มีอยู่จริงนะ
แสดงว่าคุณมีประสบการณ์ตรง?
เกรซ : ใช่ๆ เกรซว่ามันต้องหลายๆ ศาสตร์รวมกัน
แต่มีเรื่องนึงที่ไม่ดู ฉันมั่น คือเรื่องผู้ชาย?
เกรซ : จริง เรื่องความรักไม่ดูเลย เพราะเคยดูเรื่องความรักก็กลับมานอยด์แล้วเลิกเลย แล้วเลิกจริงๆ ซึ่งตอนนั้นมันก็ไม่ได้ดีหรอก มันระหองระแหง พอเขาบอกคบไม่นานก็จะเลิก แล้วอีกไม่ถึง 2 เดือนเลิกเลย เพราะมันเหมือนจิตมันสั่ง ยังไงก็ต้องเลิก ก็เลยแบบว่าไม่ดูแล้วดีกว่า ต่อให้ดูแล้วถ้าเขายอกว่าดี เราก็ตั้งความหวัง พอดูบอกว่าไม่ดีเราก็นอยด์ เกิดการจับผิด เกิดการระแวง ทำให้ไม่สบายใจ เราปล่อยทุกอย่างให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ ค่อยเป็น ค่อยไป อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด แค่ต้องยอมรับความจริงให้ได้ เพราะเราก็ไม่ได้ดีที่สุด ก็ไม่ต้องคาดหวังให้ใครมาดีทุกอย่างกับเรา
เห็นชอบแซวตัวเองว่าเพลงหนูจะดังกี่โมง?
เกรซ : เอาจริงๆ ไม่ได้ตั้งความหวังว่าเพลงเราจะดัง แค่เพียงทำออกมาเอาฟิล เอาแพชชั่น ด้วยความที่เราเป็นอิสระในตอนนั้น แล้วเป็นเหมือนอะไรที่เราอัดอั้นมานาน ก็เลยได้ทำ แต่ก็ไม่ได้คาดหวัง ซึ่งภาพเราจะถูกจำในการเป็นนักแสดง การทำคอนเทนต์มานานแล้ว ในการร้องเพลงด้วย มันเป็นไทม์มิ่งที่เราได้มาทำตรงนี้จริงจัง มันก็เป็นจุดนึงที่ได้ทำ
มีความท้อไหม?
เกรซ : ไม่ท้อค่ะ เพียงแค่ตอนนี้เราเปลี่ยนโฟกัส แต่ถามว่ายังชอบอยู่ไหม ก็ยังชอบอยู่ ตอนนี้ก็มีทำเป็นคัฟเวอร์
จะกลับมาเล่นละครอีกไหม?
เกรซ : ก็มีติดต่อมา ดีใจค่ะที่ทุกคนยังคิดถึงอยู่ น่าจะเป็นปีหน้า หลังกลางปีไปน่าจะมีโอกาสได้รับแล้ว แต่ตอนนั้นน่าจะยังเรียนไม่จบ แต่คงปรับตัวได้มากขึ้น แต่ก็เชื่อเรื่องไทม์มิ่งของตัวเองนะ ตอนนี้รู้สึกแฮปปี้กับการเรียน มันได้เบิกเนตร ได้รับรู้สิ่งดีๆ เพื่อไปทำคอนเทนต์
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow