“กฤตภาศ” รับรักถึงทางตัน แจ้งข่าวเลิกอดีตภรรยาแล้ว
ตั้งแต่มีข่าวว่าแต่งงานมีครอบครัว นักแสดงมากความสามารถอย่าง กฤตภาศ ศักดิษฐานนท์ ก็หายหน้าหายตาไปจากวงการบันเทิง ล่าสุดเจ้าตัวได้ออกมาอัปเดตถึงชีวิต โดยยอมรับว่าได้กลับมาโสดอีกครั้งหนึ่งแล้ว ส่วนการทำงานกำลังทุ่มเวลาให้การสอนหนังสืออย่างเต็มที่ และส่วนหนึ่งที่ตัดสินใจย้ายไปสอนที่จังหวัดลำปาง เพราะต้องการเริ่มต้นชีวิตใหม่ หลังเลิกรากับอดีตภรรยาที่คบกันมากว่า 8 ปี “ตอนคบกันถามว่าปัญหามันมีมั้ย มันก็มีแต่มันเคลียร์ได้ แล้วก็กลับมาเป็นปกติได้ แต่มันก็อาจจะทิ้งเชื้ออะไรมานิดหน่อย แต่ไม่คิดว่ามันหนึ่งมันจะวิกฤต ผมคิดว่ามันน่าจะเริ่มมีปัญหาและทิ้งรอยร้าวเอาไว้น่าจะช่วงแต่งงาน หลังแต่งงานเราไม่ได้แยกกันอยู่นะ แต่มีบางช่วงที่ผมอาจจะกลับภูมิลำเนาหรือไปทำงานที่อื่นก็อาจจะไปนอนใกล้ๆ ตรงนั้นบ้าง เขาอยู่ฝั่งโซนนครปฐม แต่ในบ้านที่เราอยู่ปกติเราก็พักอยู่ด้วยกัน พอมาถึงจุดหนึ่งพอแต่งงานแล้ว
ผมคิดว่าปัญหาควรจะนิ่งแล้ว พอทะเลาะก็อาจมีบ้างที่ไม่ได้เคลียร์ เคลียร์ไปก็วนหลูบ แค่ไม่ต้องทะเลาะหนักทะเลาะเพิ่มก็พอแล้ว บางทีก็ไม่ใช่ไม่อยากเคลียร์นะ แต่ช่วงนั้นผมยุ่ง เป็นช่วงที่ล็อคดาวน์โควิด ออกกองไม่ได้ ผมเริ่มสอนออนไลน์ แล้วช่วงล็อคดาวน์ทำให้เรามีภาระสอนเพิ่มกว่าเดิมหลายเท่า บางวิชาผมไม่เคยสอนก็ต้องมาเตรียมการสอนใหม่ แล้วตอนนั้นผมก็ยังมีถ่ายโฆษณาอยู่ แต่ละครปี 2564 มีเรื่องสุดท้าย ซึ่งผมจัดสมดุลเรื่องพวกนี้ได้ คือพอล็อคดาวน์ทำให้มีภาระเพิ่มขึ้น วงการบันเทิงก็ทำได้เท่าที่จะทำได้ พอล็อคดาวน์เราก็เทมางานฝั่งนี้เยอะมากๆ จนเราไม่ได้มีเวลามาเคลียร์ปัญหาบางอย่าง ผมก็คิดว่าเดี๋ยวมันก็หายกันไปเอง ปรากฏว่าล็อคดาวน์โควิดมันยาว แล้วมันมีล็อคดาวน์ช่วงท้ายๆ เขาปิดในช่วงที่ผมกลับภูมิลำเนาพอดีด้วย ก็เลยยิ่งห่างกันไปอีก ไมได้กลับมาเคลียร์กันเลย โผล่มาอีกทีก็พังเลย ตอนนี้ก็ไม่ได้คุยกันแล้ว จริงๆ
ผมก็หนักนะ หายไปช่วงนึง เพราะว่าในปีแรกๆ ผมก็มีภาวะซึมเศร้า แต่ว่าตอนนี้มันก็หายแล้ว 2 ปีแล้วเนอะ มันก็เลยพอจะพูดได้ อีกอย่างน้องเขาก็ต้องไปมีชีวิตของเขา ไปเริ่มต้นใหม่ ซึ่งคนอื่นไม่ทราบสถานะของเราตอนนี้ ก็จะมีมาทักหรือถามถึงเขาบ่อยๆ เพราะผมไม่พูดเลยไม่มีใครรู้ มีแค่ญาติสนิทสองฝั่งที่รู้แค่ไม่กี่คน ส่วนหนึ่งเขาอาจจะเคารพการตัดสินใจของเรา แล้วบุคลิกผมเปลี่ยน ผมซึม เลยไม่มีใครกล้าถาม แม่ผมก็ไม่ถาม เมื่อก่อนใครถามผมก็จะเลี่ยงๆ ไป แต่ตอนนี้ใครถามผมก็บอก จริงๆ เรื่องแบบนี้มันก็มีสิทธิ์เกิดกับทุกคู่ เหตุผลหนึ่งที่ผมไปลำปาง ตัดสินใจได้เด็ดขาดเลย คือผมอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ ออกจากโลกใบเดิม ไปเริ่มต้นบทบาทใหม่กิจกรรมใหม่ๆ เพราะไม่งั้นผมก็ไม่รู้จะเริ่มต้นจากอะไร ถ้ามันเป็นแค่แฟนเลิกกันอาจจะเสียใจจะไม่ถึงขนาดนี้ เพราะนี่มันกินเข้าไปในโลกเราทั้งหมด มันไปหมดทั้งระบบ เพราะฉะนั้นผลกระทบมันค่อนข้างแรงด้านความรู้สึก ผมคิดว่าเดี๋ยวไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ วันหนึ่งผมอาจจะกลับมาเล่นละครอีกก็ได้ ถ้าผมได้วกกลับมาที่กรุงเทพ คือเอาจริงๆ ทางมหาลัยเขาก็ไม่ว่านะถ้าผมจะมาเล่นละครบางเวลา ถ้าไม่ได้ไปกินเวลางานของเขา แต่ว่าด้วยที่ผมไปสอนมันอยู่ไกล การเดินทางกลับมามันลำบาก หรืออาจะทำได้แบบงานสั้นๆ ไม่ได้ยาวมากถ่ายแบบข้ามปีอะไรแบบนั้น งานในวงการผมไม่ได้ทิ้ง แต่ด้วยบทบาทหน้าที่ในตอนนี้อาจจะยังไม่สะดวก ถามว่าเข็ดเรื่องความรักไหม ในปีแรกที่ผมมีภาวะซึมเศร้าผมเข็ดจริงๆ เพราะมันเป็นสิ่งที่เราคอนโทรลไม่ได้ กลัวมันอยู่ แต่ตอนนี้ผมคลี่คลายแล้วผมรู้สึกเฉยๆ ก็ไม่ได้ปิดกั้นแต่ก็ไม่ได้ชวนขวาย ถ้าตามธรรมชาติผมก็โฟกัสกันการทำงาน แต่เอาจริงๆ นะ ผมเหมือนจะหายซึมแต่พอต้องมานั่งคุยกับใครถึงเรื่องในอดีตแบบจริงจังผมก็เริ่มรู้สึกอีกแล้วนะ มันยังเป็นแผล เหมือนโดนสะกิด”